ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเรือนจำ จำแนก เป็นชาย หญิง
ความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด 19 ผ่าน 3 ปัจจัยได้แก่ (1) กลุ่มบุคคลเสี่ยง (2) สถานที่เสี่ยง และ (3) กิจกรรมเสี่ยง จะพบว่าผู้ต้องขังคือกลุ่มคนที่ต้องเผชิญอยู่กับความเสี่ยงทั้งสามปัจจัย กล่าวคือ พวกเขามีโอกาสเผชิญกับกลุ่มบุคคลเสี่ยง ที่อาจหมายถึงเจ้าหน้าที่ ผู้มาติดต่อ หรือกระทั่งเพื่อนผู้ต้องเข้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ที่แม้จะมีกระบวนการคัดกรองแต่ด้วยการฟักตัวของเชื้อที่ใช้ระยะเวลานานก็มีโอกาสที่จะสัมผัสกับกลุ่มคนเสี่ยง สถานที่เสี่ยง ด้วยสภาพของเรือนจำร้อยละ 60 ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีประชากรผู้ต้องขังเกินอัตราความจุที่เรือนจำ สามารถรองรับได้ หรือที่เรียกว่าสภาวะ “นักโทษล้นเรือนจำ ” (prison overcrowding) สภาพแวดล้อมที่แออัดนี้นำมาสู่ กิจกรรมเสี่ยง ผู้ต้องขังจำนวนมากต้องอาศัยอยู่รวมกันอย่างแออัดยัดเยียดภายใต้พื้นที่ปิดและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เรือนจำบางประเทศขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ในการรักษาสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน (อาทิ สบู่ ยาสีฟัน และยาสระผม) น้ำสะอาดและยารักษาโรค ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในเรือนจำ ดังนั้น มาตรการเว้นระยะห่าง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่เป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อขั้นพื้นฐาน จึงไม่อาจนำมาใช้ในเรือนจำได้อย่างตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับสถานที่อื่น ๆ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ออกมาชี้แนะว่า เรือนจำ และสถานที่คุมขังเป็นพื้นที่ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและไม่ควรถูกมองข้ามพร้อมทั้งจัดทำคู่มือสำหรับผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในชื่อ “การเตรียมพร้อม การป้องกัน และการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ในเรือนจำ และสถานคุมขัง” (Preparedness, prevention and control of COVID-19 in prisons and other places of detention) ซึ่งเน้นย้ำ ว่าการบริการด้านสุขภาพในเรือนจำเป็นส่วนหนึ่งของการสาธารณสุขภาพรวม โดย “…การป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เรือนจำ และสถานที่คุมขังอื่นๆ นั้น เป็นการดำเนินการที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการติดเชื้อและการระบาดรุนแรงทั้งภายในเรือนจำ และการระบาดสู่สังคม